วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา
วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา
สาวๆหลายๆคนคงไม่มีใครหนีปัญหารอยคล้ำใต้ตาได้ เพราะเจ้าตาแพนด้าเกิดขึ้นได้บ่อยๆกับคนทุกเพศทุกวัย และเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะด้วยอายุที่มากขึ้น ความผิดปกติของร่างกายที่ทำให้เกิดภาวะเสียสมดุล ตลอดจนการดูแลรอบดวงตาอย่างผิดวิธีโดยเจ้ารอยคล้ำนั้นเกิดจากหลอดเลือดดำบริเวณตาขยายใหญ่ขึ้นหรือมีเม็ดสีเมลานินมากขึ้นจึงทำให้เกิดรอยดำคล้ำรอบดวงตา ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ส่วนนึงที่ทำให้ใบหน้าของเราดูไม่สดใส และลดความมั่นใจไปเยอะทีเดียวก่อนที่จะไปเรียนรู้วิธีการจัดการกับปัญหารอยคล้ำใต้ตา ลองมาศึกษากันก่อนว่า รอยคล้ำเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใดกันบ้าง
1.
- กรรมพันธุ์ หากคุณลองสังเกตคุณพ่อคุณแม่ หรือญาติพี่น้อง และพบว่าเป็นหลายคนมีลักษณะขอบตาคล้ำ เป็นไปได้ว่าสาเหตุขอบตาคล้ำของคุณ เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- อายุ สาเหตุตามธรรมชาติอีกอย่างคืออายุที่มากขึ้น เพราะผิวหนังก็เริ่มหย่อนคล้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผิวหนังรอบดวงตาที่หนังกำพร้าจะค่อยๆบางลง ทำให้มองเห็นหลอดเลือดชัดขึ้น ทำให้ผิวหนังดูเป็นรอยคล้ำ หรือความหย่อนคล้อยทำให้เกิดรอยย่นเป็นเงาใต้ดวงตา
- ร่างกายขาดความสมดุล การไม่ดูแลสุขภาพโดยรวมของเรา สะท้อนออกมาเป็นความผิดปกติในร่างกายหลายรูปแบบ หากมีการอดนอน นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานผิดปกติ ไม่สูบฉีดทั่วร่างกาย จนเกิดอาการคั่งของเส้นเลือด ในกรณีของเส้นเลือดรอบดวงตา เส้นเลือดที่มีอาการคั่ง จะปรากฏเป็นรอยคล้ำบริเวณผิวหนังรอบดวงตา
- ผิวใต้ตาบาง คนที่มีผิวใต้ตาบางจะมีโอกาสเกิดรอยคล้ำรอบดวงตาได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ หรือช่วงที่มีประจำเดือน จะทำให้ผิวหนังรอบดวงตามีสีม่วงคล้ำจากเส้นเลือด มองเห็นได้ชัด
- อาการแพ้บริเวณผิวหนังรอบดวงตา หลายคนมีการแพ้เครื่องสำอางค์ที่ใช้บริเวณรอบดวงตา อาทิ ครีมรอบดวงตา หรือ มาสคาร่า ส่งผลให้เกิดอาการคันจนต้องขยี้ตา เกิดเป็นรอยคล้ำ ดังนั้น จึงควรมีการทดสอบเครื่องสำอางค์บริเวณผิวใต้ท้องแขนก่อน เพื่อป้องกันอาการแพ้เครื่องสำอางค์ที่จะตามมา
- ภาวะภูมิแพ้ ผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้มักจะมีอาการคันตา เนื่องจากหลอดเลือดดำรอบๆตาเกิดการขยายตัวมากกว่าปกติ และมีการขยี้ตาซึ่งทำให้ขอบตาคล้ำได้ นอกจากนี้ การขยี้ตายังส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ ให้มีการสร้างเม็ดสีจำนวนมากขึ้นด้วย ซึ่งกรณีที่รอยคล้ำใต้ตาเกิดจากการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้น มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนังเรื้อรัง (atopic dermatitis) ซึ่งเป็นรอยดำที่เกิดจากการอักเสบ หรือเกิดการแพ้จากการสัมผัสสารต่าง ๆ ซึ่งรอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้ จะทำให้ผิวหนังมีสีเทา ต้องแก้ไขด้วยครีมกำจัดเม็ดสี หรือกำจัดด้วยเลเซอร์
- อาการตาแห้ง ผู้ที่มีอาการตาแห้งมักจะขยี้ตาบ่อยเพื่อให้มีน้ำตา จนเกิดการระคายเคืองของผิวรอบดวงตา เกิดเป็นรอยคล้ำได้ โดยผู้ที่มีอาการตาแห้งนั้นควรดื่มน้ำมากๆ หรือหยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยง ช่วยลดอาการระคายเคืองได้
1.
ถุงชาช่วยคุณได้
สูตรแก้ปัญหาตาคล้ำด้วยถุงชาถือว่าเป็นวิธีแรกๆที่ทุกคนคงจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งถ้าหากทำเป็นประจำจะทำให้รอยคล้ำค่อยๆดีขึ้น การใช้ถุงชา มีหลายวิธีให้เลือกด้วยกัน
ถุงชาอุ่น (เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวรอบดวงตาแพ้ง่ายหรือบวมง่าย)
ถุงชาอุ่น (เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวรอบดวงตาแพ้ง่ายหรือบวมง่าย)
- นำถุงชาที่ชงแล้วและยังอุ่นๆอยู่มาบีบให้หมาดเล็กน้อย
- นำมาวงทับเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
- นำถุงชาใช้แล้วแช่ให้เย็น
- นำมาวางทับเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
- นำถุงชาคาโมมายล์จุ่มในน้ำร้อน
- ล้างด้วยน้ำเย็น
- นำมาวางทับเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
พอกมะขามเปียก
ส่วนผสมคือ มะขามเปียก นม และ น้ำผึ้ง วิธีทำ ดังนี้
3.
- นำมะขามเปียก 1 กำมือ เลือกเฉพาะเนื้อ แล้วล้างน้ำให้สะอาด
- ผสมเนื้อมะขามกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะ
- ขยำเนื้อมะขามกับนมสดให้เข้ากัน เติมน้ำเล็กน้อยหากเนื้อข้นเกินไป
- ใช้ผ้าขาวบางกรองเอากากออก
- ใส่น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม
- นำเนื้อครีมมาทาให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณใต้ตาและหางตา
- ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3.
มาส์กด้วยผัก ผลไม้สด
สูตรมาส์กตาด้วยผักและผลไม้สดมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ใช้เวลามาร์กเพียงแค่ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น โดยวันนี้เราได้เลือกสูตรที่หาของได้ง่ายตามท้องตลาดในบ้านเรามาให้เลือกใช้กันเช่น
- เปลือกกล้วยบด
- มะเขือเทศฝานเป็นแผ่นแล้วแบ่งครึ่ง ผสมกับน้ำมะนาว
- ผงขมิ้นผสมกับน้ำสับปะรด
- สำลีชุบน้ำแตงกวาผสมกับน้ำมะนาว
- มันฝรั่ง ลูกแพร์ หรือแตงกวา แผ่นบางๆ (อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี)
สปาน้ำมัน
คุณสามารถใช้น้ำมันมานวดรอบดวงตาแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนได้ เช่น น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันละหุ่ง น้ำมันอโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันจากแคปซูลวิตามินอีหรือวิตามินเค การนวดด้วยน้ำมันจะช่วยไล่ความคล้ำที่มาเกาะรอบดวงตาเพราะช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้น แนะนำให้เลือกกลิ่นน้ำมันที่ชอบจะช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนทำสปาให้ตัวเองและนอนหลับสบายอีกด้วย
5.
ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์แผ่นเจลสำเร็จรูปเป็นแบบครอบดวงตา วางขายและหาซื้อได้ทั่วไปนำมาแช่แข็งให้เย็นแล้วนำมาปิดรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ความเย็นของแผ่นเจลจะช่วยคลายกล้ามเนื้อดวงตาและถนอมหลอดเลือดรอบตา
6.
5.
แผ่นเจลบำรุงผิวรอบดวงตา
ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์แผ่นเจลสำเร็จรูปเป็นแบบครอบดวงตา วางขายและหาซื้อได้ทั่วไปนำมาแช่แข็งให้เย็นแล้วนำมาปิดรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ความเย็นของแผ่นเจลจะช่วยคลายกล้ามเนื้อดวงตาและถนอมหลอดเลือดรอบตา
6.
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา
เคล็ดไม่ลับอีกข้อหนึ่งคือการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาที่มีประสิทธิภาพ ขอแนะนำตัวช่วยน่าใช้ อย่าง โอเลย์ อายส์ ดิ อัลทิเมท อาย ครีม (Olay EYEs The Ultimate Eye Cream) ที่ได้รับการยอมรับจากกูรูและนิตยสารด้านความงามชั้นนำแห่งสหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา เหมาะกับทุกสภาพสีผิว ปรับรอบคล้ำใต้ตาให้สว่างขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides) วิตามิน บี 3 (Vitamin B3) หรือ ไนแอคซินามายด์ (Niacimamide) กลีเซอรีน (Glycerin) และ เพนทา-เปปไทด์ (Penta-peptide) ซึ่งช่วยฟื้นฟูบำรุง และลดริ้วรอยรอบตาได้อย่างล้ำลึก ใช้ได้ทุกวัน เช้า-เย็น
7.
หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาขอบตาคล้ำแบบเร่งด่วน คือการปกปิกรอยคล้ำโดยการใช้คอนซีลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ และเฉดสี แนะนำให้เลือกคอนซีลเลอร์ที่มีเนื้อบาง เกลี่ยง่าย ไม่เกาะเป็นก้อน และเลือกสีให้ใกล้เคียงกับสีผิวของเรามากที่สุด เพื่อการปกปิดรอยคล้ำให้ดูเนียนเรียบไปกับผิว
8.
วิธีแรกใช้สำลีชุ่มน้ำแช่เย็นๆ วางทิ้งไว้บนเปลือกตา 10นาที ถ้าหายเย็นควรเปลี่ยนสำลี อีกวิธีคือ นำช้อนปาดวาสลีน ไปแช่เย็นจัด จากนั้นค่อยนำวาสลีนมาทารอบเปลือก และใต้ตา จะช่วยให้ตาหายคล้ำ
7.
ใช้คอนซีลเลอร์
หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาขอบตาคล้ำแบบเร่งด่วน คือการปกปิกรอยคล้ำโดยการใช้คอนซีลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ และเฉดสี แนะนำให้เลือกคอนซีลเลอร์ที่มีเนื้อบาง เกลี่ยง่าย ไม่เกาะเป็นก้อน และเลือกสีให้ใกล้เคียงกับสีผิวของเรามากที่สุด เพื่อการปกปิดรอยคล้ำให้ดูเนียนเรียบไปกับผิว
8.
ทรีตเมนท์ทำเองที่บ้าน
วิธีแรกใช้สำลีชุ่มน้ำแช่เย็นๆ วางทิ้งไว้บนเปลือกตา 10นาที ถ้าหายเย็นควรเปลี่ยนสำลี อีกวิธีคือ นำช้อนปาดวาสลีน ไปแช่เย็นจัด จากนั้นค่อยนำวาสลีนมาทารอบเปลือก และใต้ตา จะช่วยให้ตาหายคล้ำ
9.
เทคโนโลยีในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ มีหลากหลายวิธีให้เลือกสำหรับการแก้ไขปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็น การทำเลเซอร์รอบดวงตาเพื่อทำลายเม็ดสีเมลานิน, การรักษาด้วย IPL หรือแสงเข้มข้น โดยการยิงเลเซอร์เข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกตัวเป็นเม็ดเล็กๆจนจางไป หรือการทำ YAG ซึ่งวิธีนี้ควรให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าควรใช้เครื่องมือชนิดไหนในการรักษา
11.
ตามทฤษฏีของแพทย์แผนจีน ปัญหารอยคล้ำใต้ตา เป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดปกติของม้ามดังนั้น การรักษาด้วยแพทย์แผนจีนตามศาสตร์รอบดวงตามี 2 วิธี คือ การฝังเข็มและกินยาจีน เพื่อแก้อาการผิดปกติของการไหลเวียนเลือด ขับของเสียและช่วยปรับความสมดุลของร่างกาย
12.
การฉีดฟีลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มส่วนใต้ตาด้วยสารไฮยารูลอนิกและคอลลาเจนสำหรับคนที่มีร่องตาลึกที่ทำให้เกิดเงาใต้ตา ซึ่งสารที่นำมาใช้จะต้องมีคุณภาพ และผ่านการฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
สำหรับใครที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตา อย่าลืมลองเอาเคล็ดลับทั้ง 12 ข้อไปปรับใช้ให้เหมาะสม สอดคล้องกับสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองควบคู่ไปด้วย ทั้งการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีทั้งจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้ลดรอยคล้ำใต้ตาได้แน่นอน
บำรุงง่ายๆข้ามคืน
- ใช้วุ้นว่านหางจระเข้สด ๆ นำมาทาใต้ตา แล้วนวดเป็นวงกลม ทิ้งไว้แบบนั้นแล้วเข้านอน จะช่วยแก้ปัญหารอบตาคล้ำได้
- ใช้น้ำสะระแหน่นำมาทารอบดวงตาก่อนเข้านอน ซึ่งจะช่วยทำให้รอบดวงตาที่ดำคล้ำค่อย ๆ จางหายไป
- ใช้ผงจันทน์เทศนำมาผสมกับนมสด แล้วนำมาทาใต้ตาพอกทิ้งไว้ข้ามคืน
พอตื่นเช้ามาก็จะพบกับรอบดวงตาอันสดใสและไม่ดำคล้ำ
การใช้เทคโนโลยีเครื่องมือการแพทย์
เทคโนโลยีในปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ มีหลากหลายวิธีให้เลือกสำหรับการแก้ไขปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็น การทำเลเซอร์รอบดวงตาเพื่อทำลายเม็ดสีเมลานิน, การรักษาด้วย IPL หรือแสงเข้มข้น โดยการยิงเลเซอร์เข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกตัวเป็นเม็ดเล็กๆจนจางไป หรือการทำ YAG ซึ่งวิธีนี้ควรให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าควรใช้เครื่องมือชนิดไหนในการรักษา
11.
แพทย์แผนจีน
ตามทฤษฏีของแพทย์แผนจีน ปัญหารอยคล้ำใต้ตา เป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดปกติของม้ามดังนั้น การรักษาด้วยแพทย์แผนจีนตามศาสตร์รอบดวงตามี 2 วิธี คือ การฝังเข็มและกินยาจีน เพื่อแก้อาการผิดปกติของการไหลเวียนเลือด ขับของเสียและช่วยปรับความสมดุลของร่างกาย
12.
การฉีดฟีลเลอร์
การฉีดฟีลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มส่วนใต้ตาด้วยสารไฮยารูลอนิกและคอลลาเจนสำหรับคนที่มีร่องตาลึกที่ทำให้เกิดเงาใต้ตา ซึ่งสารที่นำมาใช้จะต้องมีคุณภาพ และผ่านการฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
สำหรับใครที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตา อย่าลืมลองเอาเคล็ดลับทั้ง 12 ข้อไปปรับใช้ให้เหมาะสม สอดคล้องกับสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองควบคู่ไปด้วย ทั้งการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีทั้งจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้ลดรอยคล้ำใต้ตาได้แน่นอน